อิฐ อะไรสร้างบ้านดีที่สุด

การเลือกใช้ อิฐ ในการสร้างบ้านขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายของโครงการ โดยสามารถพิจารณาตามคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความแข็งแรง การกันเสียงและความร้อน ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม และความต้องการในการออกแบบ เป็นต้น

การใช้อิฐมวลเบาในการสร้างบ้านเป็นทางเลือกที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีในการต้านแรงดันและแรงกด และมีความแข็งแรงมากกว่าอิฐปูนซีเมนต์ โดยเฉพาะในการกันเสียง นอกจากนี้ ยังมีความสามารถในการรักษาความเย็นหรือความร้อนในบ้านได้ดี ทำให้อิฐมวลเบาเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบ้านที่ต้องการความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีการสั่งสมมานานามาแล้ว เช่น บ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮม อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้อิฐในการสร้างบ้านนั้นควรพิจารณาตามความต้องการและประสิทธิภาพของวัสดุแต่ละชนิด โดยควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรก่อสร้างเพื่อเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมสำหรับการสร้างบ้านของคุณ โดยในปัจจุบันอิฐมีหลายประเภทให้เลือก

อิฐ เป็นวัสดุก่อสร้างที่นิยมใช้ในการสร้างบ้าน โดยมีชนิดและลักษณะต่าง ๆ ดังนี้

  1. อิฐมอญ (Brick) – เป็นอิฐที่ได้มาจากการหลอมดินด้วยความร้อน ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 20 x 10 x 5 ซม. และมีน้ำหนักประมาณ 3-4 กก. ต่อชิ้น
  2. อิฐดินเผา (Adobe Brick) – มีลักษณะคล้ายกับอิฐมอญ แต่ผลิตจากดินผสมกับสารเจือปนเปื้อนเพื่อเพิ่มความแข็งแรง และหลังจากทำแล้วจะต้องใช้แสงแดดและอากาศเพื่อสลักเสร็จ มักใช้กับบ้านแบบพื้นที่ในภูมิภาคเมืองหรือที่มีอากาศแห้งและอบอุ่น
  3. อิฐแดง (Red Brick) – เป็นอิฐที่ผลิตจากดินเหนียวผสมกับดินเผา ซึ่งมีสีแดงสดและมีความแข็งแรงสูง นิยมใช้ในการก่อสร้างหลังคาและผนังภายนอกของบ้าน
  4. อิฐปูน (Cement Brick) – เป็นอิฐที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ ผสมกับกาวและทราย มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม และมีความแข็งแรงสูง นิยมใช้สำหรับก่อผนังภายในและภายนอกของบ้าน
  5. อิฐมวลเบา (AAC Block) – เป็นอิฐที่ผลิตจากปูนซีเมนต์ผสมกับแกลบ
  6. อิฐซีเมนต์ (Concrete Brick) – เป็นอิฐที่ผลิตจากปูนซีเมนต์และทราย มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม และมีความแข็งแรงสูง นิยมใช้สำหรับก่อผนังภายในและภายนอกของบ้าน
  7. อิฐเส้นผ่าศูนย์กลาง (Hollow Brick) – เป็นอิฐที่มีรูกลาง ทำให้มีน้ำหนักเบาและได้แก่งโดยง่าย นิยมใช้สำหรับก่อผนังภายในและภายนอกของบ้าน
  8. อิฐวางพื้น (Paving Brick) – เป็นอิฐที่มีลักษณะแบนและมีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับใช้วางพื้นที่ภายนอกบ้าน เช่น ทางเท้า ที่จอดรถ หรือรั้วบ้าน
  9. อิฐไฟฟ้า (Electric Brick) – เป็นอิฐที่มีการใส่สายไฟฟ้าไว้ข้างใน เหมาะสำหรับใช้สร้างผนังภายในบ้าน และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่ต้องมีการเชื่อมต่อไฟฟ้า
  10. อิฐโม่หิน (Stone Brick) – เป็นอิฐที่ผลิตจากโม่หินที่เรียกว่า Granite มีความแข็งแรงสูงและความทนทานต่อการสึกหรอ นิยมใช้สำหรับก่อผนังภายนอกของบ้าน และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่ต้องการความแข็งแรงสูง

การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การใช้งบประมาณ ความต้องการของเจ้าของบ้าน การใช้งานแต่ละส่วนของบ้าน เป็นต้น แต่ในปัจจุบัน หรือโดยทั่วไปแล้ว นิยมใช้อิฐมวลเบาสร้างบ้าน อิฐมวลเบาหรือ AAC Block (Autoclaved Aerated Concrete Block) เป็นวัสดุก่อสร้างที่ผลิตจากการผสมผสานของภูมิคุ้มกันความชื้นและความแข็งแรงสูง วัสดุนี้มีลักษณะเป็นบล็อกกลมๆหรือสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ และเป็นเบา มีระยะเวลาการติดตั้งที่รวดเร็วและสามารถตัดเล็กน้อยได้ ทำให้นักก่อสร้างนิยมใช้วัสดุนี้ในการก่อสร้างบ้านหรืออาคารและเป็นที่นิยมในยุโรปและอเมริกาเหนือ ในประเทศไทยก็ได้มีการใช้อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างเรื่อยมาก็เพราะมีความทนทานและทนทานต่อสภาพอากาศที่แตกต่างกันได้ดีเช่นกัน นอกจากนี้ อิฐมวลเบายังมีความสามารถในการกันเสียงและความร้อนได้ดี สามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานในการปรับอากาศภายในบ้าน และยังเป็นวัสดุกันไฟได้ดี โดยสรุปเป็นข้อดีดังนี้

  1. น้ำหนักเบา: อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบากว่าอิฐมอญทั่วไป ทำให้การขนส่งและการติดตั้งเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
  2. ความกันฉ่ำ: อิฐมวลเบามีรูปแบบพิเศษที่ช่วยเพิ่มความกันฉ่ำของผนัง ทำให้สามารถต้านการระเบิดและการกระแทกได้ดีกว่าอิฐมอญทั่วไป
  3. ส่วนประกอบง่าย: การใช้งานอิฐมวลเบาไม่ต้องการงานก่อสร้างที่ซับซ้อนเท่ากับการใช้อิฐมอญ ทำให้สามารถประหยัดเวลาและเงินได้
  4. คุ้มค่า: ราคาของอิฐมวลเบาจะถูกกว่าอิฐมอญ ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและสามารถประหยัดงบประมาณได้

นอกจากนี้ อิฐมวลเบามีความเบาและแข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของโครงสร้างได้ เนื่องจากมีโครงสร้างภายในที่เป็นลูกบาศก์ซึ่งเชื่อมกันด้วยสารกาว และมีช่องว่างภายในเป็นอากาศ ทำให้มีน้ำหนักต่ำกว่าวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เช่น อิฐสัมผัสดิน เหล็กเส้นเดียว หรือคอนกรีต ทำให้ง่ายต่อการขนส่งและติดตั้ง

อีกทั้งอิฐมวลเบายังมีความทนทานต่อการแตกร้าวหรือแตกแยกน้อยกว่าวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในโครงสร้างที่มีการสั่นสะเทือนหรือแรงดันตลอดเวลา เช่น อาคารโรงงาน โรงเรียน หรือโครงการชุมชน โดยอิฐมวลเบายังสามารถทนทานต่อเชื้อราและสิ่งแวดล้อมได้ดี

(Visited 2 times, 1 visits today)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!